การตลาดมะละกอในประเทศและต่างประเทศ
ปกติแล้ว มะละกอ
เป็นพืชที่สามารถออกดอกติดผลได้ตลอดปี
แต่ส่วนใหญ่แล้วจะมีผลผลิตออกสู้ตลาดมากในช่วงเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม และมกราคม – มิถุนายน
สำหรับช่วงเดือนกรกฎาคม – ตุลาคม
จะมีการผลิตน้อยและราคาแพงเนื่องจากเป็นฤดูฝน
ทำให้ผลมะละกอเน่าเสียก่อนจะมีการเจริญเติบโตเต็มที่
การปลูกมะละกอส่วนใหญ่ยังเป็นการปลูกเพื่อนบริโภคภายในประเทศถึงร้อยละ 80 ของผลิตที่ได้ทั้งหมด ส่วนที่เหลือจะส่งออกไปขายยังต่างประเทศ
มะละกอ
เป็นผลไม้อีกชนิดหนึ่งที่กำลังมีความสำคัญทางเศรษฐกิจ
ในปีหนึ่งๆคนไทยนิยมบริโภคมะละกอเป็นจำนวนมาก ทั้งในรูปของมะละกอผลสุก ผลดิบ
และผลิตภัณฑ์ที่ได้รับจากมะละกอ
โดยเฉพาะประชาชนคนไทยที่อยู่ภาคตะวันออกฉียงเหนือนั้น
มีความต้องการบริโภคผลมะละกอดิบในรูปของส้มตำมากที่สุด
การซื้อขายผลผลิตส่วนใหญ่จะมีพ่อค้าในท้องถิ่นซึ่งเป็นขาประจำ เข้าไปรับซื้อทั้งในรูปผลดิบและผลสุก ถึงแหล่งปลูกโดยตรง วิธีการซื้ออาจจะใช้วิธีเหมาซื้อเป็นสวนๆ หรือชั่งน้ำหนักคิดเป็นกิโลกรัมก็แล้วแต่จะตกลงกัน ผลผลิตทั้งหมดจะถูกส่งไปขายให้พ่อค้าคนกลางในตลาดกลางผลไม้ใหญ่ใน กรุงเทพมหานคร เช่น ปากคลองตลาด ส่วนมะละกอที่เหลือจะส่งให้พ่อค้าส่งออก หรือ ไม่ก็จำหน่ายให้ผู้บริโภคภายในท้องถิ่นหรือจังหวัดใกล้เคียง โดยส่งให้กับภัตตาคารหรือร้านอาหาร ตลอดจนพ่อค้าแม่ค้าที่ขายผลไม้สด หรือ วางขายบริเวณริมถนนต่างๆ ในท้องถิ่นนั้น
พ่อค้าขายปลีกหรือผู้ส่งออกจะมารับซื้อมะละกอจากพ่อค้าคนกลางในตลาดกลางผลไม้ดังกล่าว
ไปจำหน่ายให้กับผู้บริโภค ถ้าเป็นมะละกอดิบ
ส่วนใหญ่ตลาดขายปลีกตลาดขายปลีกจะอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ทั้งนี้เนื่องจากประชาชนในภาคนี้นิยมบริโภคส้มตำกันมาก
จนอาจจะกล่าวได้ว่าเป็นอาหารหลักประจำวัน ส่วนมะละกอสุกก้จะวางขายตามตลาดสดในแหล่งชุมชนต่างๆตลอดจนแหล่งมีผู้คนพลุกพล่าน
หรือตามริมทางเดินต่างๆทั่วไป
ตลาดต่างประเทศ
ปัจจุบันการปลูกมะละกอมิได้มุ่งหวังเพื่อใช้บริโภคภายในประเทศเพียงอย่างเดียว
แต่ยังมุ่งปลูกเพื่อการส่งออกจำหน่ายในต่างประเทศอีกด้วย
ชาวสวนมะละกอส่วยใหญ่ได้พยายามปรับปรุงพันธุ์ เพื่อให้ได้ผลผลิตต่อไร่สูงขึ้นและมีคุณภาพดี
สามารถแข่งขันกับผลไม้อื่นในตลาดต่างประเทศได้
ในแต่ละปีประเทศไทยได้ส่งออกมะละกอสดทั้งในรูปผลสุกและผลดิบไปขายยังตลาดต่างประเทศ
สามารถทำรายได้นำเงินตราเข้าสู่ประเทศเฉลี่ยปีละประมาณ
60 – 70 ล้านบาท จึงนับว่ามะละกอเป็นผลไม้อีกชนิดหนึ่งที่เริ่มมีความสำคัญทางเศรษฐกิจของไทย
ถ้าหากจะแบ่งตลาดต่างประเทศตามกลุ่มของประเทศผู้รับซื้อแล้ว
พอจะแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ ดังนี้ คือ
1. ตลาดในเอเชีย
ที่สำคัญได้แก่ ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย ศรีลังกา บรูไน ตลาดนี้นับเป็นตลาดรับซื้อมะละกอแหล่งใหญ่ที่สุด
โดยเฉพาะ ฮ่องกงเพียงประเทศเดียวก็รับซื้อมะละกอจากประเทศไทยถึงร้อยละ
80 ปี ของปริมาณมะละกอที่ส่งออก
ส่วนประเทศที่เหลือนอกนั้นมีปริมาณรับซื้อเพียงเล็กน้อยและไม่ค่อยสม่ำเสมอ
2. ตลาดในแถบตะวันออกกลาง
มีประเทศซาอุดิอาระเบียเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ นอกนั้นได้แก่สาธารณรัฐอาหรับอามิเรสต์
คูเวต บาห์เรน
ส่วนใหญ่จะซื้อในรูปของมะละกอดิบจึงเข้าใจว่าเพื่อให้แก่คนงานไทยที่ไปทำงานในประเทศเหล่านี้จำนวนมากบริโภค
3. ตลาดในแถบทวีปยุโรปและอเมริกา
มีประเทศฝรั่ง เบลเยี่ยม สวิสเซอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ อังกฤษ แคนาดา สหรัฐอเมริกา
เป็นกลุ่ม ประเทศที่อยู่ห่างไกลและยังมีปริมาณรับซื้อไม่มากนัก
แต่ก็เป็นกลุ่มประเทศที่น่าสนใจในการขยายตลาดออกไปอีก รวมทั้งผักผลไม้สดอื่น
แต่ผลผลิตจะต้องคุณภาพตรงตามความต้องการของตลาดเหล่านี้
ซึ่งเลือกซื้อแต่สินค้าที่มีคุณภาพ
อ้างถึง : การตลาดมะละกอในประเทศและต่างประเทศ
http://tamkaset.com/%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%95%e0%b8%a5%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b8%a1%e0%b8%b0%e0%b8%a5%e0%b8%b0%e0%b8%81%e0%b8%ad.html
อ้างถึง : การตลาดมะละกอในประเทศและต่างประเทศ
http://tamkaset.com/%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%95%e0%b8%a5%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b8%a1%e0%b8%b0%e0%b8%a5%e0%b8%b0%e0%b8%81%e0%b8%ad.html
ติดต่อยังไง
ตอบลบ